การจัดการการเปลี่ยนแปลงในสถานที่ทำงาน: ธุรกิจของคุณเหมาะกับอะไร

คุณกำลังยืนอยู่ริมขอบสระว่ายน้ำ น้ำเย็นมาก แต่มันไม่ใช่คำถามที่ว่าคุณจะลงไปหรือไม่ คุณต้องลงไปแน่นอน แต่คำถามคือ คุณจะกระโดดลงไปเลยหรือคุณจะค่อยๆ ก้าวลงไปจนกระทั่งคุณลงไปอยู่ในน้ำ

นั่นเป็นคำถามที่บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในที่ทำงาน และเนื่องจากเราได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่แห่งการทำงานที่ประกอบด้วยกระบวนการ บุคลากร และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่คงที่ในธุรกิจในปัจจุบันคือการเปลี่ยนแปลง

แต่ใครก็ตามที่เคยยืนอยู่ระหว่างทางเลือกสองอย่าง คือกระโดดหรือค่อยๆ ก้าวลงไป ทั้งสองอย่างต่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บริษัทที่มองการณ์ไกลแต่พนักงานบางคนยังต่อต้านการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงาน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปมักจะเป็นเช่นนั้น ในส่วนนี้เราจะพูดในแง่มุมที่ว่าการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั้นดีกว่า มันทำให้พนักงานที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในครั้งเดียว แทนที่จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยในระยะเวลาที่ยาวนาน

การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จจะต้องรวดเร็ว กลยุทธ์หนึ่งคือการจำกัดลำดับความสำคัญไว้ที่สองถึงสี่รายการหลัก และทำตามเป้าหมายเหล่านั้นอย่างหนักและรวดเร็ว เน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและจับต้องได้

หากการเรียกร้องกับพนักงานในช่วงระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ฟังดูโหดร้าย ขอให้คุณนึกถึงประโยชน์อย่างหนึ่งเลยก็คือมันทำให้พวกเขาไม่ต้องสนใจการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานที่อาจรบกวนสมาธิ และเป็นการเสริมแรงเชิงบวกให้กับพนักงาน แรงขับเคลื่อนมาจากความมุ่งมั่นของพนักงาน และพนักงานที่มุ่งมั่นคือคนที่รู้สึกก้าวหน้า

ทุกวันนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะมีพนักงานกล่าวต่อผู้จัดการว่า “ค่อยๆ ดำเนินการเปลี่ยนแปลง” แต่ที่ยากกว่านั้นอีกก็คือการจะหาใครสักคนที่ให้คำแนะนำอย่างตรงจุด และการสื่อสารแบบตรงไปตรงมาระหว่างพนักงานและผู้จัดการก็เป็นการเพิ่มเวลาให้กับกระบวนการอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น

ที่กล่าวว่าไม่มีบริษัทใดสามารถเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานโดยสิ้นเชิงอาจทำให้สับสนได้ ทุกวันนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะมีพนักงานกล่าวต่อผู้จัดการว่า “ค่อยๆ ดำเนินการเปลี่ยนแปลง” แต่ที่ยากกว่านั้นอีกก็คือการจะหาใครสักคนที่ให้คำแนะนำอย่างตรงจุด และการสื่อสารแบบตรงไปตรงมาระหว่างพนักงานและผู้จัดการก็เป็นการเพิ่มเวลาให้กับกระบวนการอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

พนักงานต้องการความมั่นใจว่านายจ้างมีความห่วงใยและจะพยายามช่วยเหลือพวกเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้คนไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขาต่อต้านการถูกเปลี่ยนแปลง

การแก้ปัญหาและการกำหนดสภาพแวดล้อมของเรานั้นเป็นสิ่งที่ดีและเป็นแรงบันดาลใจ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พนักงานมีสิทธิที่ออกความคิดเห็น ไม่ใช่เพียงประสบการณ์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวคิดและข้อเสนอแนะด้วย การให้สิทธิพนักงานเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานทำให้เกิดช่องทางใหม่ที่ต้องดูแลและจัดการเพื่อกระตุ้นการเติบโตที่แน่นอนว่าต้องใช้เวลาและความพยามยาม แต่สิ่งที่คุณได้รับคือกำลังใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน รวมถึงความคิดใหม่ๆ ที่สดใสที่พนักงานของคุณอาจคิดขึ้นได้ ทั้งหมดนี้มันมากกว่าการปรับสมดุลต้นทุน

บทสรุป

บริษัทในปัจจุบันถูกกระตุ้นให้มีความรวดเร็วและคล่องตัว และคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ายิ่งคุณก้าวเข้ามาในเกมเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะมีเวลาเล่นเกมมากขึ้นเท่านั้น แต่คุณก็ควรดูให้ดีเสียก่อน ท้ายที่สุดความเร็วในการเปลี่ยนแปลงนั้นก็แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคลและองค์กร และยิ่งคุณเข้าใจพนักงานของคุณดีเท่าไร การจัดการการเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น

ที่มา : https://www.ricoh-usa.com/en/insights/articles/managing-workplace-change