ปลดล็อกศักยภาพสูงสุด: ยกระดับการทำงานด้วย AI

04 ก.ย. 2568

จุดประกายความสำเร็จด้วย AI

องค์กรที่ประสบความสำเร็จและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มักมีจุดร่วมที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน การมีส่วนร่วมของพนักงาน การปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว การกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายควบคู่กับการควบคุมต้นทุน และการมุ่งเน้นนวัตกรรม สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความก้าวหน้า

ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าองค์กรจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ต่างก็ต้องให้ความสำคัญกับการใช้ AI ในการทำงาน งานวิจัยชี้ว่า องค์กรที่ใช้ AI สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้สูงกว่า 1.5 เท่า ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงกว่า 1.6 เท่า และผลตอบแทนจากเงินลงทุนสูงกว่า 1.4 เท่า

การนำ AI มาใช้ในที่ทำงาน หมายถึงการผสานเทคโนโลยีอัตโนมัติเข้ากับกระบวนการต่างๆ เพื่อลดงานที่ซ้ำซากและทำให้เวิร์กโฟลว์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือสภาพแวดล้อมการทำงานที่คล่องตัว พนักงานมีเวลาในการทำงานเชิงกลยุทธ์ มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และสร้างผลงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งเป็นเส้นทางสู่การเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างแท้จริง

การใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในองค์กร

การนำ AI และระบบอัตโนมัติไปใช้ได้จริง จำเป็นต้องเริ่มจากข้อมูลที่ดี มีโครงสร้าง และพร้อมใช้งาน แม้ดูเหมือนง่าย แต่หลายองค์กรยังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนข้อมูลที่กระจัดกระจายหรือไร้โครงสร้าง ให้กลายเป็นข้อมูลที่ค้นหาและนำไปใช้ได้ โซลูชันเกี่ยวกับการจัดการเอกสารอัจฉริยะและเทคโนโลยีดึงข้อมูลขั้นสูง จึงกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ด้วยเทคโนโลยีการจัดการเอกสารและการดึงข้อมูลด้วย AI องค์กรสามารถลดการป้อนข้อมูลด้วยมือ เพิ่มความแม่นยำและความถูกต้อง รวมถึงเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพด้านปฏิบัติการ ผลลัพธ์ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้คล่องตัวขึ้น แต่ยังยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

ความสามารถในการเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันได้ จะเป็นกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องจัดการข้อมูลและเอกสารจำนวนมาก เช่น การเงิน การประกันภัย การดูแลสุขภาพ การศึกษา การผลิต การค้าปลีก และภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานสนับสนุนต่างๆ อย่างบัญชี แผนกทรัพยากรบุคคล และงานเอกสาร ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างรวดเร็ว

สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

เมื่อองค์กรบริหารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็สามารถขยายการใช้ AI ในที่ทำงานต่อไปได้อีกมาก มุ่งสู่การจัดการข้อมูลเข้าออกอย่างราบรื่น

หากยังไม่ได้ใช้งาน ลองพิจารณาเทคโนโลยีต่อไปนี้:

  • แพลตฟอร์มเชื่อมโยงแบบ all-in-one ที่ไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ ช่วยตรวจจับปัญหาได้แบบเรียลไทม์ พร้อมข้อมูลเชิงลึก
  • โซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ผสาน AI
  • Intelligent Business Platform ที่ช่วยอัตโนมัติ เช่น จัดการไปรษณีย์เข้าออก ธุรกรรมเคลม ฝ่ายบัญชี หุ่นยนต์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูล
  • ระบบจัดการเวิร์กโฟลว์เอกสารดิจิทัล แบบอัจฉริยะเพื่อเพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจ
  • งานต้อนรับและบริการลูกค้าสามารถปรับให้เป็นอัตโนมัติได้ ด้วยการใช้ขั้นตอนการทำงาน (Workflow) และกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้
  • โซลูชัน low-code/no-code เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลข้อมูลภายในองค์กร
  • ประเมินความพร้อมใช้งาน Microsoft Copilot (Microsoft Copilot Readiness Assessment)
  • หุ่นยนต์ (Robotics) ที่เปิดประตูสู่นวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ

เสริมพลังทีมงานและผลลัพธ์ร่วมกัน

แม้โลกของเราจะก้าวเข้าสู่ยุคของ AI และล่าสุดกับ Generative AI (ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์) แต่ความสำคัญของมนุษย์ยังอยู่ไม่ไปไหน เราเดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับไปสู่โลกที่ปราศจาก Generative AI ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อทุกวันนี้มีแพลตฟอร์มชั้นนำที่เปิดให้เข้าถึงได้อย่างกว้างขวางและไม่มีค่าใช้จ่าย 

Gartner® ให้ข้อมูลว่า การสร้างเนื้อหายังคงต้องอาศัยความพยายามของมนุษย์ในการจัดเก็บ จัดหมวด และสร้าง และ เกือบ 50% ของผู้ใช้ดิจิทัลนั้นรายงานว่าใช้ AI ในการค้นหาข้อมูลหรือสร้างเนื้อหาสำหรับอีเมล คำตอบ และเอกสาร

Generative AI ไม่ได้มาทำงานหนักให้เบาลงเท่านั้น แต่ช่วยให้พนักงานค้นหาความรู้ ทำงานได้เร็วและชาญฉลาดขึ้นอย่างมาก

McKinsey ระบุว่า ศักยภาพทางเศรษฐกิจจาก Generative AI สามารถผลักดันการเติบโตของผลผลิตแรงงาน (Labor Productivity) ได้ 0.1- 0.6% ต่อปี ถึงปี 2040 และสามารถเสริมศักยภาพพนักงานให้ใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 60–70% ของเวลาทำงานในวันนี้

งานที่เหมาะกับ Generative AI ได้แก่ การดูแลลูกค้า การตลาดและขาย วิศวกรรมซอฟต์แวร์ และ R&D เช่น chatbot, digital assistant, การสนับสนุนด้านการตลาด, ตรวจจับการฉ้อโกง (Fraud Detection) เป็นต้น เมื่อผสมผสานมนุษย์และระบบอัตโนมัติได้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์จะเกินความคาดหมาย

แผนปฏิบัติการเพื่อความสำเร็จ

การจะไปถึงประสิทธิภาพสูงสุดด้วย AI จำเป็นต้องมีการวิจัย การวางแผน การเตรียมความพร้อม และการจัดลำดับความสำคัญที่สอดคล้องกับงบประมาณและกลยุทธ์ ผู้นำธุรกิจควรเข้าใจการไหลของข้อมูลภายในองค์กร ทั้งขาเข้า กระบวนการ และขาออก การทำ IT Gap Analysis จะช่วยชี้ให้เห็นจุดที่ควรปรับปรุง และการจัดตั้งทีมโครงการที่ทำงานข้ามสายงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูงให้การสนับสนุน จะช่วยให้การดำเนินการเกิดขึ้นได้จริง

เมื่อวิสัยทัศน์ เป้าหมายทางธุรกิจ และวัฒนธรรมองค์กรถูกปรับให้สอดคล้องกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือการเติบโตของรายได้และความสำเร็จที่จับต้องได้ ในทางตรงกันข้าม หากองค์กรไม่พร้อมที่จะปรับตัว ก็เสี่ยงที่จะหยุดนิ่งหรือเผชิญกับความล้มเหลวได้

ที่ริโก้ เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยลูกค้าปลดล็อกศักยภาพการทำงานด้วย AI ทีมวิจัยและพัฒนาของเรามีผู้พัฒนา AI และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลกว่า 300 คน และมีโครงการนวัตกรรมร่วม (Co-Innovation) จำนวนมากที่ทำให้เราสามารถนำเสนอเทคโนโลยี AI เพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าได้อย่างแท้จริง หากคุณอยากรู้ว่าโซลูชันและบริการของริโก้ สามารถช่วยยกระดับธุรกิจของคุณได้อย่างไร เรายินดีที่จะพูดคุยไปกับคุณ

maximizing workplace potential with AI

ที่มา:  RICOH USA