ระบบจัดการคลังสินค้าสำคัญอย่างไร?
ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมการผลิต ผู้ค้าปลีก-ค้าส่ง ธุรกิจซื้อมา-ขายไป การบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเปรียบเหมือนแหล่งรวมต้นทุนที่สำคัญของธุรกิจ จึงจำเป็นต้องมีการบริหารคลังสินค้า มีระบบการจัดการที่ดีที่จะช่วยลดความเสียหายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการคลัง ตั้งแต่การรับสินค้า จัดเก็บสินค้า จนถึงกระจายสินค้า
คุณกำลังพบปัญหาเหล่านี้อยู่หรือไม่

การจัดการพื้นที่ในคลังไม่มีประสิทธิภาพ
เนื่องจากมีสินค้าเข้าคลังเป็นจำนวนมาก หากไม่ได้รับการจัดการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ หรือ Location ในการจัดเก็บสินค้า อาจทำให้เกิดความแออัดในคลัง และเป็นการจัดเก็บสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการจัดการคลังสินค้าได้ยากไม่มีระบบการจัดการสินค้าในคลัง
- สินค้าคงคลังหมด ไม่มีสินค้าขาย ทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าลดลง สูญเสียยอดขาย รายได้ รวมไปถึงสูญเสียลูกค้า ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อสินค้าจากคู่แข่ง และยังทำให้การเติบโตของธุรกิจลดลง
- สินค้าเสียหายหรือหมดอายุ ไม่สามารถนำมาขายได้ ถ้าหากฝืนขายก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อธุรกิจและลูกค้าโดยตรง
- สินค้าค้างสต๊อก (Dead Stock) หรือสินค้าที่ขายไม่ออก เป็นปัญหาที่นำมาซึ่งผลเสียและต้นทุนของธุรกิจ


ไม่สามารถติดตามสินค้าคงคลังแบบ real time และสต๊อกสินค้าไม่ตรง
จำนวนสินค้าคงคลังที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การไม่มีกระบวนการจัดการการทำงานที่ชัดเจน ความผิดพลาดของพนักงาน เช่น จดบันทึกผิดพลาด ลืมจดบันทึก เป็นต้น
ระบบการจัดการออเดอร์ลูกค้ามีความผิดพลาด
ความผิดพลาดในการทำงาน การหยิบ และแพ็กสินค้าผิดพลาด จะทำให้ยากต่อการตรวจสอบ เพราะไม่มีข้อมูลในระบบส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ยากต่อการตรวจสอบความผิดพลาด


ต้นทุนสูงในการจ้างพนักงาน
เนื่องจากทุกขั้นตอนการทำงานในคลังสินค้าต้องใช้แรงงานของพนักงานทั้งหมด เพราะไม่มีระบบซอฟต์แวร์ในการช่วยทำงาน และหาก ว่ามีการใช้แรงงานคนมากเกินความจำเป็นจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ทั้งการเคลื่อนย้ายสินค้า การสิ้นเปลืองแรงงาน สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็จะไปเพิ่มต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจขาดทุนมากยิ่งขึ้น

ทำไมต้องใช้ระบบบริการการจัดการคลังสินค้า
เพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการจัดระบบคลังสินค้าให้มีคุณภาพและแม่นยำ
ทำให้กระบวนการคลังสินค้าเป็นระบบอัตโนมัติและคล่องตัวขึ้น ตั้งแต่การรับสินค้าเข้าไปจนถึงการจัดส่งออก การทำงานที่ราบรื่นขึ้น และเพิ่มความสามารถในการจัดการปริมาณสินค้าที่มากขึ้น
ระบบการจัดการสินค้าแบบ FIFO (Fist in First Out)
สามารถลดปริมาณสินค้าค้างสต็อก บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์
มองเห็นสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ในขณะที่สินค้าเคลื่อนเข้าไปในคลังสินค้า ไปยังตำแหน่งต่างๆ ทำให้สามารถคาดการณ์ความต้องการที่แม่นยำยิ่งขึ้น
เพิ่มความแม่นยำในการจัดการมากขึ้น
ลดข้อผิดพลาดในการหยิบและจัดส่งสินค้า และลดงานที่ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น
ลดต้นทุนค่าจ้างพนักงานและลดความผิดพลาดจากพนักงาน
ช่วยลดต้นทุนการจ้างแรงงานในการดูแลสินค้า สินค้าทุกชิ้นจะถูกนับและติดบาร์โค้ดก่อนจัดเก็บ ทำให้ค้นหาสินค้าเจอได้ง่ายรู้พิกัดหรือตำแหน่งของสินค้าได้รวดเร็วช่วยลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน
เพิ่มขีดความสามารถให้ธุรกิจ
การจัดการบริหารสินค้าคงคลังที่ดี มีการทำงานที่สะดวกรวดเร็ว มีความแม่นยำสูง ส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้เร็วแม่นยำ สินค้าไม่ตกหล่น แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและมีความได้เปรียบคู่แข่ง