ระบบ Backup ความจำเป็นที่ทุกองค์กรต้องมี

ในปัจจุบัน ภัยคุกคามหรือวิธีการโจมตีที่เกิดขึ้นนั้น มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ เช่น การเรียกค่าไถ่ หรือ Ransomware ที่สร้างมูลค่าความเสียหายให้ธุรกิจมหาศาล และยังมีการใช้เทคนิคการหลอกลวง (Web Phishing) โดยการส่งอีเมลปลอมให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือพาสเวิร์ดที่อาจจะสร้างความเสียให้กับองค์กรได้

คุณศักดิ์ประเสริฐ อภิวัฒนเดช Customer Success Director บริษัท เวอร์ริทัส เทคโนโลยี ประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ทุกองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องมีระบบ Backup and Recovery เป็นของตัวเอง โดยจากภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นและกฎหมายไทยที่บังคับให้ต้องมี

แต่ที่ผ่านมา บางองค์กรอาจไม่ได้สร้างระบบ Backup ของตัวเองไว้ โดยอาจคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนเพราะต้องใช้ทั้งทรัพยากรต่างๆ มากมาย เกิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นโดยไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจที่สามารถเห็นได้ชัดเจนนัก ทำให้การสร้างระบบอาจทำได้ช้า และบางครั้งมันอาจจะสายเกินแก้

สิ่งที่อยากแนะนำคือ

  1. อย่าคิดว่าธุรกิจจะไม่ได้โดนโจมตี โดยเฉพาะในยุคที่ภัยไซเบอร์นั้นใกล้ตัวมาก

    เพราะนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้องค์กรไม่เห็นถึงความสำคัญของระบบ Backup and Recovery

  2. การสื่อสารในองค์กรต้องชัดเจน โดยผู้บริหารและฝ่ายไอทีต้องทำความเข้าใจรูปแบบงานทั้งหมดในบริษัทและหาโซลูชันต่างๆ มารองรับการทำ Backup อย่างครอบคลุม
  3. พยายามหาโซลูชันที่มี AI เข้ามาช่วย หรือให้ระบบทำงานได้เป็นอัตโนมัติมากที่สุด เพื่อให้ทำงานได้แบบ 24/7 และช่วยลดความผิดพลาดได้มากขึ้น

ส่วนปัจจัยอื่นที่ทำให้การสร้างระบบ Backup ทำได้ยากขึ้นคือ ปริมาณ Workload ในปัจจุบันที่มีจำนวนมากขึ้นหลายเท่าตัวทั้งระบบ IoT, Big Data หรือ AI และองค์กรขนาดใหญ่ยังมีสาขาและออฟฟิศกระจายอยู่หลายที่ เกิดเป็นข้อมูลที่กระจายอยู่ในแต่ละสาขา ทำให้การสำรองข้อมูลนั้นทำได้ยากกว่าเดิม

ระบบ Backup ของ Veritas ช่วยอะไรลูกค้าได้บ้าง

ด้วยทุกวันนี้ บริษัทมีการทำงานในรูปแบบ Edge to Core to Cloud โดย Edge คือ ข้อมูลในอุปกรณ์ที่พนักงานใช้ และบนระบบที่สำนักงานสาขาและ Core คือระบบหลักในศูนย์ข้อมูลส่วนกลาง และคลาวด์คือ ระบบงานและข้อมูลต่างๆ ที่เก็บบนคลาวด์ ในส่วนของ Edge Veritas มีโซลูชันอย่าง Desktop and Laptop Option หรือ DLO ที่สามารถทำ Backup จากคอมพิวเตอร์ของพนักงานในรูปแบบ File และ Folder และยังมี Veritas SaaS Backup สำหรับ Microsoft365, Google Workspace, Salesforce อีกด้วย สำหรับระบบที่สาขา ก็สามารถ Backup โดยบริหารจากส่วนกลางได้ด้วย Netbackup Virtual Appliance หรือ Flex Appliance ได้อย่างปลอดภัยและสะดวก  ในส่วนของระบบที่ Core Veritas มี Netbackup และ Appliance ที่สร้างมาเพื่อคุ้มครองข้อมูล Backup โดยเฉพาะ ให้ความปลอดภัยสูงสุดด้วยการทำ Hardening และ Built-in Security (IDS/IPS) ทำให้ง่ายต่อการดูแล และมีคุณสมบัติเพิ่มเติมช่วยให้ Backup/ Access/ Restore ข้อมูลหลักอย่าง Oracle, MS SQL, VMware ได้อย่างรวดเร็ว

Netbackup Appliance มีจุดเด่นคือ รองรับ Data Source ได้มากกว่า 800 Data Source ไม่ว่าจะเป็น Traditional Workload หรือ Database เก่าขนาดไหน หรือ OpenSource ก็สามารถรองรับได้ และยังทำงานร่วมกับ Cloud Service Provider มากกว่า 60 ราย รองรับการทำงานร่วมกับ Storage มากกว่า 1,400 Target

และหากลูกค้าต้องการเก็บข้อมูลไว้นานๆ Veritas มี Access Appliance ที่มีความจุสูง ราคาประหยัดเพื่อช่วยให้เก็บข้อมูลนานๆ ได้ภายใต้งบประมาณที่จำกัด หรือกรณีที่ลูกค้าต้องการเก็บข้อมูลนานๆ ไว้บนคลาวด์ Veritas CloudCatalyst จะช่วยส่งต่อข้อมูลไปที่ Cloud Service Provider ต่างๆ ได้ทันที อย่างเช่น Azure, AWS, Google Cloud Platform (GCP), IBM Cloud เป็นต้น

นอกจากนี้ Veritas ยังมีระบบ Monitor / Analyze การ Backup เพื่อตรวจหาจุดเสี่ยงจากการถูก Ransomware โจมตี หรือหลุดรอดไปไม่ได้ถูก Backup เพื่อช่วยให้การปกป้องข้อมูลมีความปลอดภัยสูงสุด

โดยสิ่งที่ลูกค้าของ Veritas จะได้จากการลงทุนระบบ Backup คือ ลูกค้าไม่ต้องหาเครื่องมืออื่น ๆ มาช่วย โดย Veritas มีโซลูชันที่รองรับการทำงานตั้งแต่ Edge to Core to Cloud สามารถทำการกู้คืนระบบได้ง่าย มีต้นทุนรวมที่ถูกเพราะรองรับการทำงานกับระบบเดิมของลูกค้า และสามารถคาดการณ์ปัญหาหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยทั้ง Veritas และริโก้ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกันต่างมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในเรื่องระบบ Backup อย่างดีที่สุด เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรลูกค้าเป็นไปด้วยความราบรื่น