การนำระบบบาร์โค้ด (Barcode System) มาใช้ในการจัดการทรัพย์สิน (Asset Management) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม, การตรวจนับ, และการบันทึกข้อมูลทรัพย์สินให้รวดเร็วและแม่นยำ โดยการติดบาร์โค้ดเข้ากับทรัพย์สิน แล้วใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดสแกนข้อมูลและบันทึกรายละเอียด เช่น รหัสทรัพย์สิน, หมายเลขรุ่น, ใครรับผิดชอบทรัพสินหรือข้อมูลอื่นๆ ทำให้ลดข้อผิดพลาดจากการบันทึกด้วยมือและประหยัดเวลาในการจัดการทรัพย์สินขององค์กร
ประโยชน์ของการใช้บาร์โค้ดในการจัดการทรัพย์สิน
- เพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำ
- ประหยัดเวลาและทรัพยากร
- การติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์และค้นหาง่าย
- ลดต้นทุน
- การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

กระบวนการทำงาน
- รับทรัพย์สิน สร้างรหัสทรัพย์สิน เมื่อมีการรับทรัพย์สินเข้ามา ต้องติดสติกเกอร์บาร์โค้ดที่มีรหัสเฉพาะของแต่ละทรัพย์สินเข้ากับตัวทรัพย์สิน มีการบันทึกเข้าระบบและสร้างรหัสบาร์โค้ดหรือ QR Code
- ติดฉลากบาร์โค้ด ฉลากบาร์โค้ดต้องเป็นฉลากที่คงทนและพิมพ์ด้วยหมึกริบบอนที่มีคุณภาพ ที่สามารถใช้งานได้นาน พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดแบบตั้งโต๊ะ ZD230, ZD421, หมึกริบบอน (Ribbon) ชนิดเรซิ่น B110CR และลาเบล (label/ sticker) เช่น สติ๊กเกอร์ชนิดฟิล์ม PET, สติ๊กเกอร์ฟอยล์ (Foil)
- การจัดการทรัพย์สิน บันทึกข้อมูลในระบบ กำหนดสิทธิ์การใช้งาน ข้อมูลการใช้งาน ตรวจนับทรัพย์สิน
- การตรวจนับโดยเครื่องอ่านบาร์โค้ดชนิดมือถือ (Handheld Mobile computer) MC3300, MC3400, MC9400 เพื่อต้องการค้นหา, ตรวจนับ, หรืออัปเดตข้อมูลทรัพย์สิน
- ระบบประมวลผลและสร้างรายงาน ระบบจะอ่านข้อมูลจากบาร์โค้ดและดึงข้อมูลทรัพย์สินนั้นๆ ขึ้นมาแสดง ทำให้สามารถดำเนินการขั้นต่อไป เช่น บันทึกการเคลื่อนย้าย, การตรวจนับ, แจ้งเตือนซ่อมแซม จากนั้นระบบจะสร้างรายงานสรุปข้อมูลทรัพย์สินต่างๆ ที่สามารถ Export ออกมาในรูปแบบไฟล์ Excel หรือ PDF เพื่อนำไปใช้ต่อได้
แหล่งข้อมูลแนะนำสำหรับคุณ

เลือก RFID tag อย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน
RFID tag ประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่มีชิปและเสาอากาศ ใช้เก็บข้อมูลเฉพาะของวัตถุเพื่อส่งสัญญาณคลื่นวิทยุไปให้เครื่องอ่าน (Reader)

FSC คือ อะไร
ปัจจุบันทุกคนตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลายคนและบริษัทต่างๆ กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน

จัดการทรัพย์สินด้วยระบบบาร์โค้ด
การนำระบบบาร์โค้ด (Barcode System) มาใช้ในการจัดการทรัพย์สิน (Asset Management) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม, การตรวจนับ, และการบันทึกข้อมูลทรัพย์สินให้รวดเร็วและแม่นยำ