ริโก้จับมือกับ VmWare ขับเคลื่อนธุรกิจในยุค Digital

ในยุค Digital Transformation เช่นนี้ ริโก้จำเป็นต้องหาโมเดลทางธุรกิจที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของลูกค้า โดยจัดหาโซลูชั่นตลอดจนสามารถเพิ่มกำไรและรักษาฐานลูกค้าเก่าของลูกค้าเอาไว้ ตัวอย่างเช่น Cloud Platform ของ VmWare เป็นต้น

เพื่อเพิ่มกำไรและรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้

เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจไทยที่ต้องเร่งปรับตัวในช่วงที่หลายสิ่งไม่ค่อยเป็นใจนัก แต่ต้องเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงรูปแบบการดำเนินงานและการเข้าถึงลูกค้าอย่างตรงจุด ซึ่ง Cloud Platform คือเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลายองค์กรในปัจจุบัน

หลายคนอาจเข้าใจว่า VmWare เป็นแค่ Virtualization แต่ในความจริงแล้วเป็นซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ลูกค้าพร้อมสำหรับอนาคตที่จะเชื่อมต่อสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีวิกฤติ ที่หลายองค์กรต้องทำ Digital Workforce และ Digital Transformation

โดยการแข่งขันของธุรกิจปัจจุบัน จะถูกประมวลผลข้อมูลผ่าน Cloud แล้วส่งไปข้อมูลนั้นไปถึงลูกค้าโดยตรงเพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับสินค้าและบริการ เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจ แต่น่าเสียดายที่วิเคราะห์ข้อมูลในโครงสร้างพื้นฐานแบบเก่านั้นคงไม่ตอบโจทย์ความต้องการ เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่าง

ทำให้ Virtualizationของ VmWare เข้ามามีบทบาทที่สามารถเชื่อมโยงการประมวลผลข้อมูลได้จากสิ่งต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่ Data Center To Cloud To edge และ To device เพื่อรองรับการกับโจทย์ธุรกิจที่ต้องการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ โดย VmWare เริ่มทำ Virtualization ในไมโครชิพ IoT ขนาดเล็ก สำหรับปรับใช้กับกับธุรกิจในอนาคต เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ Smart Device อื่น ๆ

องค์กรรูปแบบใด ถึงควรใช้ VmWare

ปัจจุบัน VmWare มีลูกค้าอยู่ในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Banking, Financial , Retail, Telco และ Healthcare อยู่ที่ธุรกิจนั้น ๆ จะเอา Virtualization ไปปรับใช้กับธุรกิจในรูปแบบใด ยกอย่างธุรกิจ Healthcare ที่ต้องปรับตัวเป็น Telemedicine หรือ Telehealth เพื่อลดการแพร่ระบาดและขยายการเข้าถึงคนไข้ให้ได้มากที่สุด

ตัวอย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการใช้งาน VmWare เป็นบริษัทประกันแห่งหนึ่งที่โดนบังคับให้ต้อง Work From Home จากสถานการณ์ Covid เป็นสิ่งที่ทั้งพนักงานและผู้บริหารไม่เคยเจอเหตุการณ์มาก่อน แต่วันนี้ต้องให้ผู้บริหารทำงานที่บ้าน และต้องสามารถอนุมัติเอกสารสำคัญผ่าน Workflow ต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัย นี่คือโจทย์ที่ VmWare ใช้เวลาเพียงแค่ 1 เดือนในการสร้างระบบขึ้นเพื่อรองรับพนักงานมากกว่า 1 พันคนในบริษัทนี้

และหากให้พนักงานทำงานที่บ้าน การยืนยันตัวตนของพนักงานนับเป็นสิ่งสำคัญ VmWare ได้ร่วมกับ Ricoh สร้าง Workspace 1 โซลูชั่นที่จะทำหน้าที่ยืนยันว่าปลายทางที่ส่งข้อมูลไปเป็นใคร เป็นการยืนยันตัวบุคคลก่อนจะทำการติดต่อ ทำให้องค์กรสามารถการรักษาข้อมูลได้ ไม่ว่าจะเป็นบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ สามารถลดความกังวลในกรณีที่พนักงานทำอุปกรณ์หล่นหาย

อีกกรณีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ คือร้านอาหารปิ้งย่างร้านหนึ่ง ต้องปิดร้านจากคำสั่งของรัฐ จึงต้องหาลู่ทางใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยได้คิดสร้าง Application ขึ้นมาบนพื้นฐานของ VmWare Cloud และใช้เวลาเพียงสามวันในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยจากตัวอย่างที่ระบุมา จะเห็นได้ว่า การยืดหยุ่นและความรวดเร็ว (Agility) ของธุรกิจนับเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะนำนวัตกรรมเข้าตอบโจทย์ เข้าถึงตัวพนักงานรวมทั้งลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

VmWare เหมาะกับธุรกิจขนาดใด

VmWare มีแพ็คเกจที่จะให้การสนับสนุนตั้งแต่ธุรกิจระดับ Small office ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ มีโซลูชั่นครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น Multi cloud , Work From Home Solution เรื่องของ Security, Cloud Native Application และ Connectivity สำหรับเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Cloud ต่าง ๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะต้องลงทุนในปริมาณมาก แต่สามารถเลือกตามต้องการที่มีได้

ทั้งนี้ธุรกิจที่จะต้องการทำ Digital Transformation หรือสร้างความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ คุณเอกภาวินแนะนำเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของความปลอดภัย เพราะหากเราเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ แล้ว ระบบ Security ต้องดำเนินการควบคู่กันไปโดยให้ความสำคัญเท่า ๆ กัน โดยที่บางอย่างอาจไม่ต้องลงทุนระบบความปลอดภัยราคาแพง ยกตัวอย่างในการฝากข้อมูลไว้บนคลาวด์ หากเกิดข้อมูลรั่วไหล องค์กรไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลนั้น เพราะเราฝากไว้กับผู้ให้บริการ เป็นการลดความเสี่ยงขององค์กรไปในตัว