การรักษาความปลอดภัยทำให้ธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
การที่ความต้องการในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการรักษาความปลอดภัยนั้นมีความจำเป็นและหลากหลาย ส่งผลให้ผู้นำในหลายองค์กรทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนทิศทางในการบริหารงาน เริ่มตั้งแต่การสร้างระบบเครือข่าย การใช้แอปพลิเคชัน การใช้อุปกรณ์ ไปจนถึงระบบความปลอดภัยของข้อมูลและพนักงาน การคิดกลยุทธ์แบบใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจมีมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยได้
ไม่เพียงแค่เรื่องของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและการปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐาน เราควรมีการประเมินความปลอดภัยให้รอบด้านในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ เช่น การจัดซื้อ การดำเนินการ และระบบการจัดการ เป็นต้น
มุมมองนี้จะช่วยส่งเสริมความคิดที่ว่า การรักษาความปลอดภัยจะสามารถผลักดันให้ธุรกิจเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ หลายคนอาจเกิดการสับสนระหว่าง การเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรอย่างมีนัยสำคัญ และ การเปลี่ยนแปลงดิจิทัล ซึ่งความสามารถทางดิจิทัลนั้นสามารถปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นได้
เมื่อบริษัทกำหนดให้เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกของธุรกิจ สิ่งนี้จะช่วยให้องค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยแบบหลายระดับ
หากคุณมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้านไอทีหรือความปลอดภัยทางไซเบอร์ คุณคงจะทราบดีว่า ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ต้องการการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามภัยคุกคามและกฏหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
เรามีการเสริมสร้างความปลอดภัยแบบหลายระดับ ประกอบด้วยการให้บริการและโซลูชันจากผู้เชี่ยวชาญทำให้องค์กรประสบความสำเร็จตามเป้าหมายขั้นสูง เช่น การปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐาน การรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจ ความไว้วางใจในแบรนด์ นวัตกรรม การเติบโตและยั่งยืนทางธุรกิจ เป็นต้น
มาสำรวจ 5 แนวคิดเกี่ยวกับความปลอดภัยยุคใหม่และมาดูกันว่า การทำให้เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญจะสามารถปกป้องธุรกิจได้อย่างไร
1. การปฏิบัติตามข้อกำหนด: ทำตามกฎที่วางไว้และเกินที่คาดไว้
ไม่ว่าขนาดของบริษัท รูปแบบอุตสาหกรรม และที่ตั้งของบริษัทจะเป็นอย่างไร ทุกองค์กรย่อมมีกฏระเบียบ นโยบาย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัย การบริหารข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบนับเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ และก่อให้เกิดปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น อัตราเฉลี่ยของประกันภัยทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นมากขึ้นถึง 79% ในปี พ.ศ. 2565 จากการตรวจสอบนโยบายที่มากขึ้น
ในปลายปี พ.ศ. 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (SEC) ได้เปิดเผยข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทจดทะเบียนสาธาณะ การบริหารจัดการธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจ แน่นอนว่าองค์กรเหล่านั้นจะต้องยึดถือตามข้อกำหนดของ PCI DSS, PII, HIPAA, FINRA, FERPA, GDPR, CCPA หรือ FFIEC ด้วย
ใจความสำคัญคือการที่เรารู้จักการปกป้องข้อมูล เริ่มจากการที่รู้ว่ามีข้อมูลอะไร จัดเก็บอยู่ที่ไหน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีระบบป้องกันที่เหมาะสม เมื่อเรามีข้อมูลที่ไม่ได้จัดการให้เป็นระบบอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในองค์กรเกือบทุกแห่ง ทางออกของปัญหานี้คือการลดความเสี่ยงโดยการปกป้องข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ บุคลากร และการบริการเข้ามาช่วย
2. ความต่อเนื่องทางธุรกิจ: สร้างความสำเร็จในทุกสถานการณ์ล้มเหลว
การเกิดโรคระบาดถือเป็นสถานการณ์ตัวอย่างที่สำคัญซึ่งเป็นบททดสอบเรื่องความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับหลายองค์กร เนื่องจากการทำงานระยะไกลทำให้เกิดความเสี่ยงใหม่ๆ ซึ่งองค์กรมีการเตรียมความพร้อมในการทำงานนอกสถานที่หรือไม่
เราทราบว่าหลายธุรกิจมีรายได้ที่ลดลงอย่างมาก มีการเร่งสร้างระบบอัตโนมัติหรือย้ายข้อมูลสู่ระบบคลาวด์ ไม่เช่นนั้นก็ปิดกิจการ มีการทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องซึ่งมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถูกละเมิดข้อมูลบริษัทโดยเฉลี่ยถึง 9.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีงานวิจัยหนึ่งพบว่า 60% ของการละเมิดข้อมูลที่องค์กรประสบปัญหาทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
การรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจและการลดความเสี่ยงไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้นเราต้องมีกระบวนการและระบบการรักษาความปลอดภัยที่มั่นคง เพื่อป้องกันและทำให้การดำเนินงานขององค์กร และการดำเนินธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์
3. ชื่อเสียงของแบรนด์: สร้างขึ้นเพื่อความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
คุณพร้อมจะรับความเสี่ยงต่อชื่อเสียงของแบรนด์หรือไม่ องค์กรไม่ควรมองข้ามเรื่องความปลอดภัยอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อการคุกคามทางไซเบอร์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานหนึ่งพบว่า เพียง 9 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2566 มีการละเมิดข้อมูลในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับตัวเลขในปี พ.ศ. 2565
ในทางเดียวกัน ลูกค้ามีความต้องการในเรื่องการป้องกันข้อมูลเพิ่มมากขึ้น โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกถึง 68% มีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ ผู้บริโภคยังให้ความสนใจขนาดนี้ แล้วองค์กรของคุณล่ะ?
ผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยทำให้เกิดการปกป้องข้อมูล ทำให้การใช้งานของลูกค้ามีความปลอดภัยและน่าสนใจมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ เกิดการดึงดูดลูกค้ารายใหม่และรายได้ที่เติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ความปลอดภัยยังเป็นปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยองค์กรควรจะให้ความสำคัญในเรื่องการลดความเสี่ยงจากบุคคลที่สามและมีการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลแก่ผู้จำหน่ายสินค้าและบริการ เมื่อผู้นำธุรกิจเริ่มยกระดับการรักษาความปลอดภัยโดยเริ่มดำเนินการจริง ไม่ใช่แค่การพูดคุยเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจนี้ก็จะสร้างความปลอดภัยให้กับองค์กรมากขึ้น และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย
4. นวัตกรรม: สร้างการเติบโตของธุรกิจด้วยความมั่นใจ
การมีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้บริหารสามารถยอมรับเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมั่นใจและปลอดภัย รวมถึงการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม การเติบโต และประสิทธิภาพในการแข่งขันได้ เพื่อสนับสนุนข้อมูลดังกล่าวนี้ มีการสำรวจหนึ่งพบว่า ผู้นำทางด้านไอทีถึง 95% ระบุว่า กระบวนการแปลงข้อมูลไปสู่รูปแบบดิจิทัลมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเปิดโอกาสให้เกิดรายได้ใหม่ภายในระยะเวลา 12 เดือน
เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น การใช้ระบบคลาวด์ร่วมกับการมีระบบเครือข่ายที่ทันสมัย การใช้แอปพลิเคชันที่ยืดหยุ่น และการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย จะช่วยสนับสนุนวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีในอนาคต ดังเช่นทฤษฎีที่ว่า "ใช้เงินเพื่อประหยัด" ซึ่งหมายถึง การลงทุนในเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพและขยับขยายขนาดได้ตามความต้องการจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ในอนาคต
5. ความยั่งยืน: สร้างโลกที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง
ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารการดำเนินงาน) เป็นขอบข่ายงานที่ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความเข้าใจเรื่องการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสใน 3 เรื่อง โดยผู้บริโภค พนักงาน และ หน่วยงานที่กำกับดูแล เริ่มมีการใส่ใจต่อบริษัทและนโยบายที่สนับสนุนเรื่อง ESG มากขึ้น มีหน่วยชี้วัดที่เป็นตัวกำหนดชัดเจน เมื่อนึกถึงความปลอดภัย องค์กรควรจะพิจารณาเส้นทางการนำเข้า-ส่งออกของข้อมูลในองค์กรด้วย
ความเป็นจริงแล้ว ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับองค์กรที่มีความยั่งยืน โดยให้ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในเทคโนโลยีดิจิทัล การใช้โซลูชันและบริการด้านความปลอดภัยจะปกป้องและเสริมความแข็งแกร่งของระบบสารสนเทศพื้นฐานที่ให้บริการในเรื่องสำคัญและสนับสนุนการไปสู่เป้าหมาย ESG ของลูกค้าจากการลดผลกระทบเรื่องอาชญากรรมทางไซเบอร์
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของสังคม ความยั่งยืนขององค์กร และการก้าวหน้าทางเศรษฐกิจโลก มาตรการด้านความปลอดภัยที่ผสานรวมกับระบบอัตโนมัติ เช่น เครื่องมือการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดความไม่เป็นเอกลักษณ์และทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยจากการการใช้ทรัพยากรที่ไม่มีประสิทธิภาพได้
มุมมองของคุณต่อเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างไร?
ในปัจจุบัน 89% ของบริษัทขนาดใหญ่ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและ AI ไปแล้ว องค์กรควรพิจารณาการปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาดและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และการใช้ระบบความปลอดภัยเพื่อเสริมกลยุทธ์ขององค์กร
องค์กรจะอยู่รอดและเติบโตได้ หากบริษัททุกขนาดให้ความสำคัญเกี่ยวกับการรับรู้ของบุคคลภายนอกที่เป็นผลมาจากการรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นความต่อเนื่องของธุรกิจ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ นวัตกรรม การเติบโต และความยั่งยืน พร้อมหรือยังที่จะพาองค์กรของคุณเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัย? ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
ที่มา: RICOH USA
News & Events
Keep up to date
- 19ก.ย.
RICOH ประกาศร่วมมือกับ LG Electronics เพื่อยกระดับโซลูชันที่ช่วยพัฒนาประสบการณ์ในการทำงาน
- 06ส.ค.
ริโก้ได้รับให้เป็น 'Gold Provider Partner' ของ Cisco ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- 28มิ.ย.
ริโก้ติดอันดับบริษัทที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลกประจำปี พ.ศ. 2567 ของ นิตยสารไทม์ (TIME)
- 26มิ.ย.
ริโก้ได้ดำเนินการตามกรอบในการเปิดเผยข้อมูลการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ (TNFD : Taskforce onNature-related Financial Disclosures) และขึ้นทะเบียนเป็น TNFD Adopter