บทความ

อนาคตของ Hybrid Workplace: จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในปี 2024 และในอนาคตข้างหน้า

กุมภาพันธ์ 01, 2567
4 นาที
Modern office interior with chairs and tables
Smiling man with glasses looking at a tablet
Share

ในโลกหลังการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ พนักงานในแต่ละองค์กรได้ผ่านการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและวิถีการทำงานรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่เพียงแค่กลายเป็น New Normal ในยุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นเทรนด์การทำงานสำคัญที่จะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอีกด้วย 

เทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีการทำงานแบบดั้งเดิม ซึ่งแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่นี้ได้มอบความยืดหยุ่นและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น เราจะเห็นได้ว่ารูปแบบและหน้าที่ของส่วนงานต่างๆ ในธุรกิจปัจจุบันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

คำถามที่สำคัญในขณะนี้ก็คือ การทำงานจากระยะไกล (remote work) ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีอยู่หรือไม่ และเราควรให้พนักงานกลับมานั่งทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิมหรือไม่อย่างไร จากการสำรวจล่าสุดของ Gallup ระบุว่า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) กว่า 8 ใน 10 คนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าการทำงานในรูปแบบไฮบริด อันเป็นการผสมผสานกันระหว่างการทำงานทั้งในและนอกออฟฟิศคือคำตอบของการทำงานยุคใหม่ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจและองค์กรจำนวนมากในปัจจุบันจึงยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสร้างสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในวันนี้เราจะมาเจาะลึกเทรนด์ของ Hybrid Workplace และผลกระทบจากเทรนด์ดังกล่าวต่อโลกการทำงานในอนาคต

Icon quote 
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (CHRO) จากบริษัทใน Fortune 500 กว่า 8 ใน 10 คนกล่าวว่า พวกเขาไม่มีแผนการที่จะลดรูปแบบการทำงานระยะไกลภายใน 12 เดือนข้างหน้า
Gallup, 2023

กระแสความนิยมของ Co-working Space และความต้องการบริการดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น 

Individuals working at separated desks in a modern office space

หนึ่งในเทรนด์การทำงานที่เข้ามามีบทบาทในการกำหนดรูปแบบของสถานที่ทำงานแบบไฮบริดคือการเกิดของพื้นที่ที่เรียกว่า Remote Work Hub หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า Co-working Space ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับใช้ทำงานที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ โดย Remote Work Hub มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสถานที่ทำงานที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นชุมชนและส่งเสริมการทำงานร่วมกันของผู้คนที่ทำงานจากระยะไกล 

Remote Work Hub มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานที่ทำงานนอกออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ห้องประชุม หรือพื้นที่ใช้สอยสำหรับการทำงานร่วมกัน เนื่องจากบริษัทต่างๆ หันมาใช้โมเดลการทำงานแบบไฮบริดกันมากขึ้น เราจึงคาดว่าความต้องการสถานที่ทำงานแบบ Remote Work Hub ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

องค์กรหลายแห่งกำลังมองหาวิธีใหม่ๆ ในการปรับปรุงและเสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานบนพื้นที่แบบไฮบริด รวมถึงลงทุนใน Remote Work Hub เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามใน EY Future Workplace Index 2023 โดย Ernst & Young Global ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 28% มีการใช้บริการ Co-working Space ตามที่ต่างๆ เช่น WeWork ในขณะที่อีก 15% องค์กรเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถเลือกนั่งทำงานที่สาขาย่อย (Satellite Office) ที่อยู่ใกล้จุดที่พวกเขาอยู่มากที่สุดได้ 

บริการด้านดิจิทัล (Digital Services) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันและการสื่อสารจากระยะไกลให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เรายังพบว่า 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามข้างต้นเปิดเผยว่าองค์กรของตนมีการลงทุนในระบบการทำงานร่วมกันแบบดิจิทัลและเสมือนจริง (virtual) มากขึ้นกว่าเดิม 

นอกจากตัวระบบเองนั้น พื้นที่ภายในออฟฟิศเองก็ยังได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยแทนที่จะมีโต๊ะทำงานให้พนักงานนั่งทำงานเป็นจำนวนมาก เป็นการจัดสรรพื้นที่เพื่อใช้สำหรับการประชุมและแลกเปลี่ยนเพื่อทำงานร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการมากยิ่งขึ้น โดยแนวโน้มการใช้พื้นที่ทำงานในลักษณะนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายเดือนหรือหลายปี โดย 51% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาได้มีการลงทุนทางเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งทันสมัยภายในพื้นที่ออฟฟิศของตน 

กลยุทธ์การลงทุนดังกล่าวจะมอบประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยมให้แก่พนักงาน รวมถึงช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรและการทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ในทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย


กระแสของ AI และการใช้ระบบอัตโนมัติที่เพิ่มสูงขึ้น 

Two colleagues walking and talking in a bright office corridor

หลายเดือนที่ผ่านมา โลกได้มีการพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยี AI เพิ่มมากขึ้น และยังคงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ เริ่มที่จะเล็งเห็นถึงความสามารถของ AI และเข้าใจถึงประโยชน์ในการนำมาใช้งานภายในธุรกิจของตนมากขึ้นกว่าเดิม

เทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติสามารถช่วยทำงานที่ต้องทำซ้ำๆ เป็นประจำทุกวันแทนมนุษย์ เพื่อให้พนักงานได้ใช้เวลาในการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและต้องพึ่งพาทักษะของมนุษย์ เช่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ และการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม เราจะเริ่มเห็นการนำ AI และระบบอัตโนมัติเข้าใช้ในทุกๆ กระบวนการทางธุรกิจ เช่น งานบริการลูกค้า งานทรัพยากรบุคคล ไปจนถึงงานในสายการผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

 
Icon quote 
Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2026 AI จะถูกนำมาใช้ในแอปพลิเคชันต่างๆ กว่า 30% เพื่อสร้าง Adaptive User Interface (AUI) หรือความสามารถในการปรับเปลี่ยนอินเทอร์เฟซการใช้งานให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคลได้
Gallup, 2024

 

ในแง่ของ Hybrid Workplace เทคโนโลยี AI สามารถช่วยคาดการณ์ในกรณีที่จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมพุ่งสูงขึ้น รวมถึงการจัดการเพื่อติดตามผลหลังกิจกรรม การปรับเปลี่ยนโซนใช้งานและการขอรับบริการต่างๆ แบบเร่งด่วนได้อย่างทันใจ รวมถึงช่วยในการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญๆ ที่ธุรกิจสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพื้นที่และต้นทุนของตนได้ ปัจจุบันบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Microsoft กำลังคิดค้นวิธีนำ AI เข้ามาช่วยในการจัดการบันทึกการประชุมแทนคน เช่น การพัฒนาเครื่องมือ AI ที่สามารถตรวจจับและบันทึกการสนทนา พร้อมกำหนดสิ่งที่ต้องทำ (to-do) และมอบหมายงานเหล่านั้นให้กับผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคน เป็นต้น

นอกจากนี้ เรายังสามารถนำ AI มาใช้ในรูปแบบของเจ้าหน้าที่แนะนำแบบอัจฉริยะ เพื่อแนะนำผู้ใช้งานในด้านต่างๆ เช่น แนะนำวิธีใช้ซอฟต์แวร์หรือวิธีการปฏิบัติตามกระบวนการใหม่ๆ ในธุรกิจ โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะช่วยให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เราสามารถนำ AI และระบบอัตโนมัติมาปรับปรุงขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยช่วยพนักงานในการเก็บข้อมูล ประมวลผล และทำงานซ้ำๆ ที่ปกติต้องทำเองแบบแมนนวล จากเดิมที่ใช้เวลาเป็นวันให้เหลือเพียงไม่กี่นาทีได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากองค์กรของคุณมีพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ ช่วยสนับสนุนคุณในด้านการใช้ AI และระบบอัตโนมัติ พนักงานและองค์กรของคุณก็จะสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว ยืดหยุ่น และปลอดภัยอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม


การให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพจิตที่ดีของพนักงาน

Group of six people laughing and having a discussion

รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่ผสมผสานการทำงานทั้งในและนอกออฟฟิศได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรื่องของสุขภาพจิตและชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานเป็นเรื่องที่องค์กรต้องให้ความสำคัญมากกว่าที่เคย เพราะพนักงานคือหัวใจสำคัญขององค์กร บริษัทต่างๆ จึงพยายามมองหาวิธีในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์ในการทำงานที่ดี โดยใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานไปพร้อมกัน 

บริการดิจิทัล (Digital Services) คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยนำพาคุณออกจากความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อองค์กรของคุณมีเครื่องมือสื่อสารที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง พนักงานของคุณก็จะได้รับประสบการณ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้น โดยสามารถแชร์ข้อมูลระหว่างกันได้อย่างคล่องตัว อีกทั้งสามารถแลกเปลีย่นโต้ตอบซึ่งกันและกันได้จากทุกที่

นอกจากนี้ เทคโนโลยีแบบ Immersive ยังช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้ประชุมที่อยู่ในห้องประชุมและผู้ที่เข้าประชุมจากทางไกลให้ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าที่เคย เพื่อสร้างบรรยากาศของ ‘การประชุมที่เท่าเทียม’ และประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าประชุมทุกคน 

การทำงานระยะไกลอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของพนักงาน จากการขาดปฏิสัมพันธ์แบบพบปะกันกับเพื่อนร่วมงาน รวมถึงปัญหาในการไม่สามารถแบ่งขอบเขตระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ องค์กรจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังในเชิงรุก ผ่านการให้การสนับสนุนพนักงานในด้านต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษา การแนะนำแหล่งข้อมูลและความช่วยเหลือด้านการดูแลสุขภาพจิต ซึ่งการริเริ่มโครงการเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานก็ถือเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบไฮบริดเช่นกัน 

เมื่อผู้ใช้งานเครื่องมือดิจิทัลได้รับการอบรมและการสนับสนุนอย่างเหมาะสม เครื่องมือเหล่านี้จะสามารถอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น สื่อสารระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งทั้งในพื้นที่บนโลกจริงและโลกเสมือน สิ่งเหล่านี้จะนำพาองค์กรของคุณสู่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า รวมถึงช่วยรักษาพนักงานไว้ให้อยู่กับองค์กร เสริมสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และท้ายที่สุด ทำให้ธุรกิจเติบโต


Hybrid Workplace คืออนาคตแห่งโลกการทำงาน

Office meeting with a video call presentation

เมื่อคำนึงถึงปัจจัยทั้งหมดที่ได้กล่าวไป เราคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า Hybrid Workplace คืออนาคตแห่งโลกการทำงานที่เรากำลังมุ่งไป และองค์กรที่รับเอารูปแบบการทำงานนี้ไปใช้งานภายในองค์กรของตนต่างได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและการประหยัดต้นทุน การจัดการรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดให้มีประสิทธิภาพจะทำให้ทั้งพนักงานและนายจ้างสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ออฟฟิศที่เราเห็นกันในทุกวันนี้จะยังคงพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยขับเคลื่อนด้วยการทำงานแบบไฮบริด บริการด้านดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ที่ริโก้ เราเข้าใจถึงความท้าทายที่องค์กรต่างๆ เผชิญในการเปลี่ยนผ่านสู่การทำงานในรูปแบบไฮบริด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรานำเสนอบริการและโซลูชันดิจิทัลที่หลากหลาย เพื่อนำทางองค์กรของคุณสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง โซลูชันเพื่อ Digital Workplace ของเราจะช่วยให้ทีมงานที่อยู่ห่างไกลสามารถทำงานร่วมกับผู้คนในออฟฟิศของคุณได้อย่างราบรื่น พร้อมช่วยธุรกิจลดต้นทุน และทำให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล 

ให้ริโก้ช่วยดูแลด้านการวางระบบเพื่อสร้าง Hybrid Workplace เพื่อให้ผู้คนองค์กรของคุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจ ด้วยเครื่องมือที่จำเป็นครบครันและบริการสนับสนุนสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ หากคุณสนใจวางระบบ Hybrid Workplace กับเรา คุณสามารถดูและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน Digital Workplace ของเราได้แล้ววันนี้

หากคุณสนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ริโก้ใกล้บ้านคุณ 


เกี่ยวกับผู้เขียน

Todd-Vandenberg-Headshot

เป็นเวลากว่าสองทศวรรษ ที่ Todd Vandenberg ผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานและรูปแบบการทำงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ช่วยธุรกิจให้ก้าวผ่านความท้าทายในการทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อนเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ดี 

ในฐานะ Go-To-Market Manager ด้าน Hybrid Workplace ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของริโก้ เขามุ่งมั่นที่จะส่งมอบการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อในสถานที่ทำงาน ระหว่างทีมงาน พื้นที่ทำงาน และสถานที่ต่าง ๆ

 

ติดตามคุณ Todd ได้ที่ LinkedIn


อ่านเพิ่มเติมใน พาร์ทที่ 2:  วิธีเลือกโซลูชันสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่เหมาะสมสำหรับองค์กรของคุณ

ในพาร์ทที่ 2 เราจะโฟกัสถึงขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อนำรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดมาใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จโดยมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์สำหรับองค์กรของคุณ

 

พาร์ท 2: เลือกโซลูชันแบบไฮบริดที่เหมาะสม


Ricoh Logo

ติดต่อเรา

ติดต่อทีมงานของเราเพื่อขอคำแนะนำและช่วยสร้าง Hybrid Workplace ในแบบของคุณ

ติดต่อ

แหล่งข้อมูลแนะนำสำหรับคุณ

Content-Thumbnail_How-to-Choose-the-Right-Digital-Workplace_1460x700
Article

เราจะเลือกโซลูชันสำหรับสถานที่ทำงานแบบไฮบริดให้เหมาะสมกับองค์กรได้อย่างไร

มาค้นหากันว่าทำไมโซลูชันสำหรับสถานที่ทำงานแบบไฮบริดถึงมีความสำคัญในการทำงานแบบระยะไกลในปัจจุบัน สามารถเรียนรู้วิธีการที่ใช่จากข้อมูลในบล็อกนี้

Two males working on laptops
Article

การสร้างประสบการณ์ Digital Workplace ที่ราบรื่น

คุณกําลังมองหาวิธีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันในพื้นที่ทํางานแบบไฮบริดอยู่หรือเปล่า? มาดูกันว่าเครื่องมือการจัดการพื้นที่ทํางานของเรานั้นจะช่วยให้คุณมอบประสบการณ์การทํางานแบบดิจิทัลที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างราบรื่นได้อย่างไร

Business meeting with 5 people in meeting room
Case Study

CBI เลือกริโก้เป็นพาร์ทเนอร์ในการสร้างพื้นที่ทํางานที่ล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพ

เรียนรู้วิธีที่ CBI นำเครื่องมือดิจิทัลซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของริโก้ไปใช้งาน เพื่อเปลี่ยนโฉมพื้นที่ทํางานให้ทันสมัย พร้อมขับเคลื่อนประสิทธิภาพในสถานที่ทำงาน